แว่นกันแดด ไม่ใช่แค่ตามกระแสแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องดวงตาของเราจากแสงแดด และรังสี UV ซึ่งโดยทั่วไปเรามักจะรู้ถึงอันตรายจากแสงแดดที่ทำร้ายผิว แต่รู้หรือไม่ว่า แสงแดดและรังสี UV เป็นอันตรายต่อดวงตาด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อแว่นกันแดดที่ดีมีคุณภาพ ถือว่ามีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อครั้งต่อไปควรพิจารณาจากคุณสมบัติพื้นฐานของแว่นกันแดดก่อนตัดสินใจคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรรู้ก่อนพิจารณาเลือกซื้อแว่นกันแดด ประกอบด้วย 1. ความสามารถในการป้องกันหรือดูดซับรังสีอุลตร้าไวโอเลต หรือ UV รังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือรังสี UV เป็นรังสีที่มองไม่เห็นประกอบด้วยรังสี UVA, UVB และUVC ซึ่งแตกต่างกันไปตามความยาวคลื่น ที่มีในแสงแดดจะประกอบด้วยรังสี UVA 90% และUVB 10% ส่วน UVC จะถูกกั้นด้วยบรรยากาศชั้นโอโซน ทำให้ไม่ผ่านมาถึงผิวโลก นอกจากนี้ยังมีในแสงที่มาจากงานอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น แสงที่เกิดจากการเชื่อมเหล็ก โคมไฟฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น รังสี UVนี้จะมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคตาหลายอย่าง เช่น ต้อลม,ต้อเนื้อ, กระจกตาอักเสบ,ต้อกระจก (Cataract) และโรคจอประสาทตาเสื่อม ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงจากแสงอุลตร้าไวโอเลตโดยเฉพาะในแสงแดดซึ่งต้องเจอในชีวิตประจำวันโดยการสวมแว่นตากันแดดป้องกันตามมาตรฐานของแว่นตากันแดด วัสดุที่ใช้ทำเลนส์จะต้องมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรังสี UVB ได้อย่างน้อย 70% และรังสี UVA ได้อย่างน้อย 60% สำหรับวัสดุที่นำมาใช้ทำเลนส์แว่นตากันแดดมีด้วยกันหลายชนิด เช่น วัสดุประเภท polycarbonate มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 99 % ส่วนวัสดุที่เป็นพลาสติก(CR-39) และกระจกจะมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV เพิ่มขึ้นได้โดยการเคลือบสารเคมีลงบนผิววัสดุ 2.สีเลนส์แว่นตากันแดดการเลือกสีของเลนส์แว่นตาให้เหมาะสมกับกิจกรรมหรืองานที่ทำของแต่ละบุคคล มีส่วนช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น สีเทา(gray) , สีเขียวอมเทา ลดความเข้มของแสง โดยไม่ทำให้สีของวัตถุผิดเพี้ยน สีน้ำตาล(brown) ช่วยเพิ่มความสามารถการมองแยกแยะรายละเอียดของวัตถุในที่สว่างได้ดีมาก(very high contrast) เหมาะสำหรับเมื่อต้องการมองแยกวัตถุต่างๆได้ชัดเจน แต่จะทำให้สีของวัตถุเพี้ยนไป สีอำพัน(amber) ช่วยให้มองเห็นวัตถุในระยะไกลได้ดีขึ้น ป้องกันแสงสีฟ้า(blue light) ที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา เหมาะสำหรับนักบิน คนขับเรือ นักยิงปืน นักสกี สีเหลือง(yellow) ช่วยให้มองแยกรายละเอียดของวัตถุ(contrast)ได้ดีขึ้น แต่ทำให้สีของวัตถุดูกระด้าง สีชมพู(pink), สีแดง(red) เหมาะสำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อตาล้าจากการใช้คอมพิวเตอร์ แต่ก็ทำให้สีเพี้ยนไปด้วย สีแดงชาด(vermillion) ช่วยให้มองแยกส่วนที่เป็นน้ำออกจากวัตถุอื่นๆได้ดี แต่ทำให้วัตถุมีสีผิดเพี้ยนมากที่สุด สีฟ้า(blue) ช่วยให้มองเห็นวัตถุที่มีสีขาวเช่น หิมะ ได้ดี แต่ก็ทำให้สีอื่นเพี้ยน วิธีการเลือกซื้อแว่นกันแดด• ตรวจสอบที่คุณสมบัติของแว่นกันแดดมองหาป้ายรับรองที่ติดมากับแว่นกันแดดที่บอกไว้ว่าสามารถป้องกัน UV ได้ 99 หรือ 100 เปอร์เซ็นต์*• เลือกแว่นกันแดดที่สวมใส่ได้พอดี เพื่อให้การกรองแสง UV และปกป้องรังสี UV มีประสิทธิภาพมากขึ้น• เลือกแว่นกันแดดที่มีพื้นที่เลนส์แว่นกันแดดมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการปกป้องดวงตาจากแสงสว่างที่จะผ่านเข้ามาได้• แว่นกันแดดมักจะมีราคาสูงกว่า สะท้อนให้เห็นถึงแฟชั่นหรือความทนทานไม่ใช่คุณภาพของการปกป้องกันรังสียูวี• แว่นกันแดดที่มีสีเข้ม ไม่ใช่จะให้การปกป้องดวงตาได้ดีกว่า แว่นกันแดดที่ดีขึ้นอยู่กับสารปกป้อง UV ที่เคลือบอยู่บนเลนส์เป็นหลัก ไม่ใช่สีของเลนส์• คอนแทคเลนส์ที่ปกป้องแสง UV ไม่สามารถใช้ทดแทนแว่นกันแดดได้ *ในทางปฏิบัติ ป้ายที่เขียนว่า “block UV” นั้นไม่ได้ระบุชัดเจนว่าป้องกันรังสี UV ได้เท่าใด สำหรับป้ายที่เขียนว่า “UV protection
Category: recommend
แว่นกันแดด….ถนอมดวงตา
แสงแดดถึงจะมีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ โดยเฉพาะกับดวงตา ซึ่งมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถป้องกันแสงอุลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดดได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ “แว่นกันแดด” แว่นกันแดดที่ดีจะต้องเป็นแว่นที่สามารถป้องกันแสงอุลตราไวโอเลตไม่ให้ผ่านเข้ามากระทบดวงตา ซึ่งในแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังพื้นโลก มีทั้งแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และแสงคลื่นสั้นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่เรียกกันว่า แสงอุลตราไวโอเลต หรือที่เรียกกันว่า คลื่นแสงยูวี ซึ่งมีความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 nm แบ่งได้เป็น แสงยูวีเอ, แสงยูวีบี และแสงยูวีซี แต่มีเพียงแสงยูวีเอและแสงยูวีบีเท่านั้นที่สามารถผ่านมายังผิวโลก ซึ่งมีอันตรายต่อมนุษย์มากเช่นกัน ทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ต้อเนื้อ ต้อกระจก จอประสาทเสื่อม ฯลฯ แว่นกันแดดที่ได้มาตรฐานจึงต้องสามารถป้องกันรังสียูวีเอได้อย่างน้อยร้อยละ 80 หรือยอมให้แสงยูวีเอผ่านเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือในการตรวจวัด โดยปกติแว่นกันแดดทั่วไปสามารถป้องกันรังสียูวีได้เล็กน้อย เช่น – เลนส์พลาสติก ซึ่งป้องกันแสงยูวีได้ดีกว่าเลนส์แก้ว – เลนส์ที่ระบุว่าสามารถป้องกันรังสียูวีได้ น่าจะป้องกันแสงยูวีได้ดีกว่าเลนส์ที่ไม่ได้มีการระบุไว้ – แว่นกันแดดที่เป็น Polarized Lens เป็นเลนส์ที่ตัดแสงจ้าได้ดี ทำให้ผู้ใช้สบายตา แต่ก็สามารถกรองแสงยูวีได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการเลือกแว่นกันแดดครั้งต่อไป อย่าลืมนำเคล็ดลับเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อ และอย่าลืมว่า…แว่นกันแดดที่ดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ผศ.พญ.วิภาวี บูรณพงศ์, รายการโทรทัศน์ พบหมอศิริราช “อุ่นใจเมื่อให้ทิพยประกันภัยคอยดูแลคุณ” ซื้อประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่
วิธีเลือกซื้อแว่นกันแดด
ใครที่กำลังมองหาแว่นกันแดดสักอันมาใส่ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีเลือกซื้อแว่นกันแดดมาฝาก… แว่นกันแดดจะช่วยกรองแสงให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้น และปกป้องดวงตาจากอันตรายของแสงแดดจ้าได้ การเลือกซื้อแว่นกันแดด จึงควรดูที่ฉลาก CE ที่กำกับแว่นว่าสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้หรือไม่ เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตทั้งสองชนิดนี้ต่างก็ทำลายนัยน์ตา UVB นั้นจะดูดซึมที่แก้วตา แต่ถ้ารับแสงจ้านานเกินควร อาจจะทะลุไปที่จอรับภาพได้ ส่วน UVA จะดูดซึมเข้าไปได้ลึกกว่า ดังนั้นการเลือกแว่นกันแดดคุณภาพดี จึงเปรียบเสมือนทาครีมกันแดดชั้นดี ให้แก่ดวงตา รูปทรงของแว่นแว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่ทรงโค้งมน จะปกปิดดวงตาได้ดีทีเดียว แว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวแต่ไม่โค้งมนจะทำให้ดวงตาสัมผัสต่อแสงมากเป็น 3 เท่าของแว่นทรงโค้งมนเลยทีเดียว นอกจากนี้แว่นกันแดดทรงโค้งมนจะไม่ตกหล่นง่ายเวลาใส่อีกด้วย สีของเลนส์ แว่นกันแดดสำหรับกีฬาส่วนใหญ่จะป้องกันรังสี CVB ได้ 99 % และป้องกันรังสี UVAได้ 60 % แต่ก็อย่าเพิ่งแน่ใจ ควรจะตรวจสอบจากฉลากอีกทีหนึ่ง สำหรับสีของเลนส์นั้น สีเลนส์ที่ดีและเหมาะที่จะใช้คือสีเทา-ดำ และเขียว-ดำ หากอยู่บริเวณชายหาด สีเลนส์ที่เหมาะจะใช้คือสีชา-น้ำตาล หรือเทา ส่วนเลนส์สีเหลืองไม่เหมาะจะใส่เวลาขับรถ เพราะมันจะทำให้เห็นสีไฟจราจรไม่ชัดเจนระหว่างไฟแดง และไฟเขียวได้ ความพอดีของเลนส์กับขอบแว่น เมื่อเลือกแบบแว่นกันแดดได้แล้ว ก็ควรจะดูว่าขอบของเลนส์ฟิตพอดีกับแว่นหรือไม่ โดยการลองใส่แล้วเดินไป-มา ขึ้น-ลงบันได ให้แน่ใจว่ามันจะไม่เลื่อนหลุดออกมาจากตัวแว่นจริง ๆ หรือจะใช้วิธีจับแว่นตาไว้ แล้วดูในแนวตั้งและแนวนอนว่าขอบเลนส์ออกมานอกกรอบแว่นหรือไม่ ถ้าจะซื้อแว่นกันแดด ก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.
รู้ไว้ใช่แว่น! มาทำความรู้จักเลนส์แว่นตาชนิดต่างๆกัน
ปัจจุบันนี้ แว่นมีหลากหลายชนิดให้เลือกใส่มากขึ้น ทำให้คนนิยมใส่แว่นจนกลายเป็นแฟชั่นไปเสียแล้ว แต่เอ๊ะ…ถ้าเราอยากได้แว่นคู่ใจสักอัน เราต้องเลือกยังไงล่ะ? วันนี้เรามาทำความรู้จักเลนส์แว่นแต่ละชนิดกันดีกว่า จะได้รู้ว่าเลนส์แว่นแบบไหนที่เกิดมาเพื่อเราสายตาของเรา! 1. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) เลนส์ชั้นเดียวคือเลนส์แว่นทั่วไปที่มีรองรับทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง โดยเลนส์ชนิดนี้สิ่งที่ควรดูคือค่า index เพราะเป็นตัวกำหนดว่าเลนส์จะหนาหรือบาง ถ้าเลขยิ่งสูงแว่นก็จะยิ่งบาง โดยค่า index ที่เหมาะกับสายตาแบบต่างๆ มีดังนี้ เลนส์ 1.5 คือเลนส์ความหนาปรกติ เหมาะกับสายตาสั้นและเอียงไม่มาก เลนส์ 1.6 คือเลนส์ย่อบาง เหมาะกับสายตาสั้นและยาวไม่เกิน 500 เพราะมีขนาดบางกว่าแบบแรก เลนส์ 1.67 คือเลนส์ย่อบางพิเศษ เหมาะกับสายตาสั้นและยาวไม่เกิน 1000 เลนส์ 1.71 หรือ 1.74 คือเลนส์ย่อบางสั่งพิเศษ สำหรับคนที่สั้นและยาวเกิน 1000 ความหนาของเลนส์ชั้นเดียวแต่ละชนิดเมื่อเทียบกับค่าสายตา จะเป็นคร่าวๆตามตารางนี้ โดยที่แว่นของ GLAZZIQ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 1990 บาท จะเป็นราคารวมกรอบพร้อมเลนส์ย่อบาง 1.6 อยู่แล้ว หรือถ้าใครมีสายตาที่สั้น/ยาวกว่า 500 ก็สามารถทำการ top-up ให้เป็นเลนส์ย่อบางพิเศษ 1.67 ก็ได้ คุณสามารถลองเข้าไปดูแว่นแบบต่างๆได้ที่ www.glazziq.com 2. เลนส์มัลติโค้ด (Multicoat) เลนส์มัลติโค้ดคือเลนส์ที่เคลือบสารมัลติเลเบอร์ไว้ทั้งด้านนอกและด้านใน ให้ความคมชัดและตัดแสงสะท้อนได้ โดยที่เลนส์มัลติโค้ทยังสามารถเคลือบแข็งบนผิวเลนส์ (Hard coated) เพื่อไม่ให้เลนส์เป็นรอยขีดข่วน หรือเคลือบ UVX ป้องกันแสงยูวีจากดวงอาทิตย์ได้อีกด้วย ซึ่งเลนส์ของ GLAZZIQ นั้นจะเป็น Multicoat ทุกรุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นคุณลูกค้าก็สบายใจได้เลย 3. เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Block) เลนส์กรแงแสงสีฟ้า คือเลนส์ที่ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากอุปกรณ์ไอทีทั้งหลาย อาทิ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หลอดไฟ ฯลฯ ซึ่งหากสายตาได้รับแสงสีฟ้านานๆ อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดต้อหรือโรคต่างๆ ได้ เพราะแสงสีฟ้านี้มีคลื่นความถี่สูงและสามารถทะลุไปถึงนัยน์ตาของเราได้ ดังนั้น หากทำงานหน้าจอหรือเล่นมือถือเป็นประจำ ควรเลือกใช้เลนส์ชนิดนี้ ลูกค้า GLAZZIQ ทุกท่านก็สามารถเพิ่ม Top-Up ให้เลนส์กลายเป็นเลนส์กันแสงสีฟ้า Blubloc ได้เช่นกัน 4. เลนส์ออโต้ (Auto Lens) เลนส์ Auto หรือเลนส์ปรับแสง คือเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนความเข้มของสีเลนส์ได้ตามความเข้มของแสงที่ได้รับ สีจางลงเมื่อเข้าที่ร่ม สีเข้มขึ้นเมื่อเจอแดด เหมาะสำหรับคนที่ทำงานออฟฟิศและต้องออกไปกลางแจ้งบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นสลับไปมา และไม่ต้องพกแว่นหลายตัว ทาง GLAZZIQ กำลังจะเปิดตัวเลนส์ออโต้เร็วนี้ รอกันอีกนิดนะ 5. เลนส์กันแดด (Sun Lens) เลนส์กันแดดก็จะมีหน้าที่ช่วยลดความจ้าของแสงแดดตามชื่อ เหมาะกับการใส่ออกแดดเพื่อไม่ให้ตารู้สึกล้าหรือแสบตา ซึ่งเลนส์กันแดดที่ได้มาตรฐานจะต้องสามารถป้องกันรังสี UVA ได้อย่างน้อย 95% และ UVB ได้อย่างน้อย 99% การที่เราใส่แว่นกันแแดดถูกๆจากตลาดนัดที่ไม่กัน UV อาจทำให้เกินอันตรายต่อดวงตาของเราได้ เพราะตัวกันแดดจะทำให้ม่านตาของเราเปิดกว้างขึ้นเมื่อแสงโดนตัดออกไป และจะทำให้รังสี UV เข้ามาในดวงตาของเราเต็มๆ ดังนั้นเราต้องระมัดระวังเรื่องการกัน UV ไว้ให้ดี เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าแว่นกันแดดหรือคลิปออนของ GLAZZIQ สามารถกัน UVA และ
แว่นตาทำให้คุณเท่ขึ้น 800%
คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool คนอะไรโคตร Cool
คุณประโยชน์แว่นกันแดดที่ไม่ใช่แค่แฟชั่น
แว่นกันแดด ไม่ได้มีประโยชน์ด้านแฟชั่นอย่างเดียวเท่านั้น มันยังสามารถป้องกันการทำลายดวงตาอย่างถาวร จากการเสื่อมสภาพของดวงตาและการทำลายจอประสาทตา แว่นกันแดด จึงได้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราในการดำเนินชีวิตทั้งกลางแจ้งและในที่ร่ม ซึ่งเมืองไทยเป็นเมืองร้อนและมีแดดจ้าอยู่ทุกฤดู สายตาเรามักจะต้องโดนแดดบ่อย ๆ เราควรถนอมสุขภาพดวงตาของเราโดยใส่ “แว่นกันแดด” วิธีเลือกแว่นกันแดด แว่นกันแดดที่ดีนั้นนอกกจากจะช่วยกรองแสงแล้ว ต้องใส่สบายเหมาะสมกับรูปหน้าและทำให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้น พร้อมทั้งปกป้องอันตรายจากแสงแดดจ้าที่มากระทบดวงตา สำหรับการเลือกซื้อแว่นกันแดดนั้น ควรดูที่ฉลากที่กำกับแว่นดีๆว่าว่าสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้หรือไม่ เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตทั้งสองชนิดนี้ต่างเป็นตัวทำลายนัยน์ตาของเรา รังสี UVB นั้นจะดูดซึมที่กระจกตา แต่ถ้าตาของเรารับแสงจ้านานเกินควร อาจจะทะลุไปที่จอประสาทรับภาพของตาได้ ส่วนรังสี UVA จะดูดซึมเข้าไปได้ลึกกว่า